ตั้งแต่อดีต ต่อเนื่องถึงปัจจุบันหลายๆประเทศหันมาให้ความสนใจ น้ำนมเหลือง (Colostrum) หรือ น้ำนมแรกคลอด เป็นอันมาก เพราะเป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลายและแจ่มชัดว่า น้ำนมเหลือง (Colostrum) นั้น มีภูมิคุ้มกันโรค และ มี Growth Factor อยู่หลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย อีกทั้งยังมีสารอาหารต่างๆตามที่ร่างกายต้องการ

การได้รับ น้ำนมแรกคลอด จากแม่ตั้งแต่กำเนิดถือเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น และเราควรให้ลูกได้ทานนมแม่อย่างน้อย 1 ปี เพราะเด็กจะได้รับภูมิคุ้มกันต่อจากแม่ และยังมีผลต่อการพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กด้วย

แต่เนื่องจาก ปริมาณน้ำนมเหลืองของคนมีจำนวนน้อย ไม่สามารถนำมาแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ เราจึงต้องนำ Colostrum จากแม่วัวมาบริโภคกัน  และเนื่องจากการผลิต Colostrum นั้นก็มีปริมาณที่จำกัด เท่าที่ทราบปีหนึ่งๆจะมีแค่ช่วงเวลาเดียวที่วัวจะคลอดลูกพร้อมๆกัน ทำให้ราคาของ Colostrum ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกันนมปกติที่รีดได้จากวัวทุกวัน 

ด้วยความที่คุณค่าของ น้ำนมเหลือง มีมากมายจึงหน่วยงานต่างๆ ทั้งด้านการแพทย์และการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศต่างๆทั่วโลก เช่น อเมริกา อินเดีย นิวซีแลนด์ ยุโรป เป็นต้น นำไปวิจัยและพ้ฒนาจึงได้มีการนำมาบริโภคกันอย่างแพร่หลาย

ซึ่งตามข้อมูลการวิจัย

                                                                                                   

รุปคร่าวๆได้ว่าผู้ที่สามารถทาน โคลอสตรุ้ม เสริมจากอาหารที่ทานปกติเพื่อเป็นให้ร่างกายแข็งแรง มีดังนี้

-คนทั่วไปที่ต้องการมีสุขภาพแข็งแรง หากอยู่ในวัยเจริญเติบโต ยิ่งได้ผลดี และถ้าอยู่ในวัยทำงาน นักกีฬา และผู้สูงวัย ก็จะยิ่งมีประโยชน์ 

-ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ ไม่แข็งแรงหรือ ภูมิคุ้มกันต่ำ โดยเฉพาะการติดเชื้อในลำไส้ เพราะ Colostrum มีภูมิคุ้มกัน หลายชนิดเช่น IgG, IgA, IgM, IgD, IgE และ Colostrum มีโปรตีนจากนมที่ร่างกายสามารถนำไปสร้างภูมิคุ้มกันได้

-ผู้ที่ร่างกายไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร เพราะ Colostrum มีโปรตีนจากนมที่ร่างกายต้องการใน การเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

-ผู้สูงวัยที่ความจำไม่ดี เพราะมีการวิจัยแล้วว่า colostrum มีส่วยช่วยให้ผู้ป่วย Alzheimer's มีความจำที่ดีขึ้น

-ผู้ที่รู้สึกว่าแก่กว่าวัย เพราะมีการวิจัยว่า โคลอสตรุ้ม ช่วยเรื่อง Anti-ageing ในหลายๆด้าน

-ประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย เช่นการฟื้นฟูร่างกายจากการออกกำลังกาย และผู้ป่วยระยะฟักฟื้น

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญที่ต้องทำคือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้ใหญ่ควรออกกำลังกายวันละ  30-60 นาที ส่วนเด็กๆ ควรออก 90 นาที ต่อวัน